“สองล้อ” ส่งนักปั่นถนน-ลู่-BMX ชิงชัยในระดับนานาชาติ 7 รายการ เพื่อเก็บแต้มโอลิมปิก-เตรียม อชก.

“สองล้อ” เตรียมส่งนักปั่นประเภทถนน-ลู่-บีเอ็มเอ็กซ์ แข่งขันรายการระดับนานาชาติ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน รวมทั้งสิ้น 7 รายการ เพื่อเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 และเตรียมสู้ศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 โดยประเภทถนนจะส่งนักปั่นอาชีพ…

“สองล้อ” ส่งนักปั่นถนน-ลู่-BMX ชิงชัยในระดับนานาชาติ 7 รายการ เพื่อเก็บแต้มโอลิมปิก-เตรียม อชก.

“สองล้อ” ส่งนักปั่นถนน-ลู่-BMX ชิงชัยในระดับนานาชาติ 7 รายการ เพื่อเก็บแต้มโอลิมปิก-เตรียม อชก.

“สองล้อ” เตรียมส่งนักปั่นประเภทถนน-ลู่-บีเอ็มเอ็กซ์ แข่งขันรายการระดับนานาชาติ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน รวมทั้งสิ้น 7 รายการ เพื่อเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 และเตรียมสู้ศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 โดยประเภทถนนจะส่งนักปั่นอาชีพ “ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม” ไปชิงชัย 2 รายการซ้อน ที่ตุรกี และส่งนักปั่นเยาวชนไปสู้ศึก “ทัวร์ เดอ ดีเอ็มซี” ที่เกาหลีใต้ ส่วนประเภทลู่จะคัดเลือกนักปั่นรุ่นเล็กไปแข่งขัน “ยูซีไอ แทร็ก จูเนียร์ เวิลด์ แชมป์เปี้ยนชิพส์” ที่อิสราเอล ด้านประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ มีคิวแข่งชิงแชมป์เอเชีย ที่มาเลเซีย และ “ยูซีไอ บีเอ็มเอ็กซ์ เรซซิ่ง เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์” ที่ฝรั่งเศส ขณะที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดลู่นานาชาติ “ยูซีไอ แทร็ก เอเชีย คัพ” ปลายเดือนสิงหาคม มีนักกีฬาต่างชาติแห่ตอบรับเข้าร่วมแข่งขันเพียบ
D01
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา นักกีฬาจักรยานประเภทถนนทั้งทีมชาติไทย และทีมอาชีพ “ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม” ยังไม่มีโปรแกรมเดินทางไปแข่งขันรายการนานาชาติเลย รวมไปถึงนักกีฬาประเภทลู่ และประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ซึ่งว่างเว้นจากการแข่งขันระดับนานาชาติมานานพอสมควร ดังนั้นสมาคมกีฬาจักรยานฯ จึงวางแผนส่งนักปั่นไปแข่งขันรายการต่าง ๆ ในต่างประเทศ เพื่อให้นักกีฬามีการพัฒนาศักยภาพ ที่สำคัญจะเป็นการเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยสมาคมฯ เตรียมส่งนักกีฬาประเภทถนน ประเภทลู่ และประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ รายการนานาชาติ รวมทั้งสิ้น 7 รายการ
D03
พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับประเภทถนน สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะส่งนักปั่นทีมอาชีพ “ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม” ไปร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกล “ทัวร์ ออฟ ซาร์กายา” ระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม ที่ประเทศตุรกี ซึ่งจะมีนักปั่นทั้งหมด 7 คน นำโดย สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย, ร้อยตำรวจเอก ธุรกิจบุญรีตนธนากร, สิบตรี ธนาคาร ไชยยาสมบัติ ส่วนที่เหลืออีก 4 คน “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ ร้อยตำรวจเอก ณัฐพล จีบถาวรธาวิต ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน จะพิจารณานักปั่นที่มีความพร้อมที่สุดในระหว่างการเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้ามาเสริมทัพ หลังเสร็จสิ้นจากการแข่งขันรายการ “ทัวร์ ออฟ ซาร์กายา” แล้ว นักปั่นทีมอาชีพของไทยจะลงแข่งขันรายการ “ทัวร์ ออฟ ซิลค์ โรด-ฮีโร่ ซิตี้” ระหว่างวันที่ 1-4 กันยายน ที่ประเทศตุรกี ต่อทันที โดยทั้ง 2 รายการนี้ ทางเจ้าภาพได้ลงทะเบียนไว้กับ สหพันธ์จักรยานนานาชาติ หรือ ยูซีไอ ในระดับ 2.2
D02
นายกสองล้อไทย เจ้าของฉายา “หมึกต้นแบบ” กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการส่งทีมอาชีพไปแข่งขัน 2 รายการดังกล่าวที่ประเทศตุรกีแล้ว สมาคมฯ ยังได้พิจารณาส่งนักปั่นเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันจักรยานทางไกลรายการ “ทัวร์ เดอ ดีเอ็มซี” ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 26-30 สิงหาคม มีนักกีฬา 6 คน ประกอบด้วย นายติณพัฒน์ เมืองเดช, นายนันทกร นนทแก้ว, นายวันชนะ ธรรมปัญญา, นายณัฐวัตร มังกรวงศ์, นายทรัพย์ประเสริฐ พิมพ์แสง, นายกมลฐชา อินทร์ทอง โดยมี ร้อยตำรวจเอก อดิศักดิ์ วรรณศรี เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และ นายอเนก ศาสตร์ทรัพย์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ซึ่งนักกีฬาชุดนี้จะเก็บตัวที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นเดียวกับทีมอาชีพ “ไทยแลนด์ คอนติเนนตัล ไซคลิง ทีม”
D05
พลเอกเดชา เปิดเผยอีกว่า ขณะที่ประเภทลู่ สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะส่งนักกีฬาระดับเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันรายการ “ยูซีไอ จูเนียร์ แทร็ก เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์” ระหว่างวันที่ 23-27 สิงหาคม ที่กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ซึ่งนักกีฬาที่จะเดินทางไปแข่งขันในรายการนี้ สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้มอบให้สตาฟฟ์โค้ชพิจารณาคัดเลือกนักกีฬาจักรยานที่ทำผลงานดีในการแข่งขันจักรยานประเภทลู่ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนส์สิริกิติ์” ประจำปี 2565 สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 24-26 มิถุนายน และสนามที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม ที่สนามเวลโลโดรม หัวหมาก จากนั้นจะเรียกมาเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี พันจ่าอากาศเอก นรุตม์ชัย ข้อหยุ่น เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และผู้ควบคุมทีม 
D06
“นอกจากนี้สมาคมฯ ก็เตรียมจัดการแข่งขันจักรยานประเภทลู่นานาชาติรายการ แทร็ก เอเชีย คัพ 2022 ระหว่างวันที่ 26-30 สิงหาคม ที่สนามเวลโลโดรม หัวหมาก หรือที่เวลโลโดรม สนามกีฬาแห่งที่ 2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ก็จะมีนักปั่นทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขัน โดยมี ร้อยตำรวจเอก สิทธิชัย ฤทธิศิลป์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และ พันจ่าอากาศเอก จรัสพงษ์ นิวันติ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ซึ่งการแข่งขันรายการนี้จะมีนักกีฬาจากชาติต่าง ๆ อาทิ เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์ และอีกหลาย ๆ ชาติแห่ตอบรับเข้าร่วมชิงชัย หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการเปิดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass และไม่ต้องทำประกันโควิด-19 ทำให้การเดินทางมาแข่งขันสะดวกยิ่งขึ้น” พลเอกเดชา กล่าว
“เสธ.หมึก” กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านจักรยานประเภทบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่ง สมาคมฯ เตรียมส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันรายการใหญ่คือ “ยูซีไอ บีเอ็มเอ็กซ์ เรซซิ่ง เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์” ระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจะส่งนักกีฬาชุดใหญ่ แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 4 คน นำโดย “เอ้” สิบตรี โกเมธ สุขประเสริฐ ซึ่งจะเดินทางมาจากศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมทั้ง พลฯ สมคิด ฮาระตะวัน, นายเมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ และนายวิชิตพงษ์ มงคลศิริ ส่วนนักกีฬาหญิง มี 1 คน ได้แก่ “ฟ้า” สิบตรีหญิง ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร ที่จะเดินทางมาจากศูนย์ฝึกจักรยานโลก พร้อมกับ โกเมธ หลังจากนั้นนักกีฬาชุดนี้จะเดินทางไปแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม ที่ประเทศมาเลเซีย โดยเพิ่มนักกีฬาหญิงอีก 2 คน คือ น.ส.วรัญญา แซ่แต้ และ น.ส.ธนาภรณ์ โตทอง โดยมี นายอัถร ไชยมาโย เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และผู้ควบคุมทีมทั้ง 2 รายการ
D07
“จะเห็นได้ว่า สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา ซึ่งการส่งนักกีฬาไปแข่งขันในรากยารต่าง ๆ นอกเหนือจากเป็นการเก็บคะแนนสะสมเพื่อคัดเลือกนักกีฬาไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ยังเป็นการเตรียมนักกีฬาเพื่อสู้ศึกกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่นครหางโจว ประเทศจีน ในปีหน้าอีกด้วย หากนักกีฬาเราฝึกซ้อมแล้วแข่งขันอยู่แค่ภายในประเทศ ก็จะไม่เกิดการพัฒนา ดังนั้นนักกีฬาจะต้องออกไปแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์ และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง อีกทั้งเป็นการต่อยอดในการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยต่อไป” พลเอกเดชา กล่าวในตอนท้าย.