“ติณพัฒน์ เมืองเดช” ทำผลงานสุดยอดผงาดคว้าเหรียญทอง โรดเรซ รุ่นเยาวชนชาย ส่วน “นันทกร นนทะแก้ว” ได้เหรียญทองแดง ในศึกสองล้อประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย จ.ระยอง ด้าน “เสธ.หมึก” เผยนักปั่นชุดนี้จะเป็นกำลังสำคัญให้แก่ทีมชาติไทยในอนาคต พร้อมกับได้มอบเงินอัดฉีดให้แก่ “กมลฐชา อินทร์ทอง” และ “อภิสิทธิ์ สุพรรณ” คนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ขณะที่ “ดาโต๊ะ อมาจิต ซิงห์ กิล” ผู้แทนจากยูซีไอ และ “ออนการ์ ซิงห์” เลขาธิการเอซีซี ชื่นชมสมาคมกีจักรยานฯ จัดการแข่งขันได้ยอดเยี่ยมมีมาตรฐานโลก และมีนักปั่นเข้าร่วมชิงชัยมาเป็นประวัติการฯกว่า 700 คน จาก 28 ประเทศ ส่วนการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์ Thaicycling Association มียอดผู้ชมพุ่งกระฉูดกว่า 50,000 วิว
การแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2023 รุ่นประชาชน ครั้งที่ 42, รุ่นเยาวชน ครั้งที่ 29 และจักรยานคนพิการ ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน โดยใช้เส้นทางรอบอ่างเก็บน้ำดอกกราย อำเภอปลวกแดง และเส้นทางภายในจังหวัดระยอง เพื่อเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ 2024 สำหรับการแข่งขันเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน เป็นการชิงชัยวันที่ 5 มีชิง 2 เหรียญทอง จากรายการโรดเรซบุคคล รุ่นเยาวชนชาย และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชาย โดยได้รับเกียรติจาก ดาโต๊ะ อมาจิต ซิงห์ กิล คณะกรรมการบริหารของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) พร้อมด้วย มร.ออนการ์ ซิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี) และ “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันเป็นประธานปล่อยตัวนักกีฬาและมอบรางวัลให้แก่นักกีฬา
ด้านการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ Thaicycling Association มียอดผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายรวมมากกว่า 50,000 วิว มีผู้ชมต่อเนื่องสูงสุดรวมมากกว่า 3,500 วิว โดยมีผู้ชมจากประเทศไทย, ไต้หวัน, คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, คูเวต, อินเดีย และจากประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียร่วมชมด้วย
ผลการแข่งขันโรดเรซ รุ่นเยาวชนชาย ระยะทางรอบละ 23 กิโลเมตร ปั่น 5 รอบ รวมระยะทาง 115 กิโลเมตร โดยนักปั่นทีมชาติไทยมี 4 คน ประกอบด้วย “อุลตร้า” นายติณพัฒน์ เมืองเดช, “ปาล์ม” นายกมลฐชา อินทร์ทอง, “ต้นไม้” นายนันทกร นนทะแก้ว, “เซฟ” นายอภิสิทธิ์ สุพรรณ ชิงชัยร่วมกับนักกีฬาอีก 18 ชาติ เกมการแข่งขันในรอบแรก กมลฐชา เปิดฉากยิงหนีกลุ่มใหญ่ออกไปนำเดี่ยว แต่พอเข้าสู่รอบ 2 ก็โดยรวม แต่ในรอบที่ 3 นักปั่นไทยสวมหัวใจสิงห์ หนีขึ้นมาอยู่กลุ่มนำทั้ง 4 คน ร่วมกับ นักปั่นจากมาเลเซีย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย และฮ่องกงอีก 2 คน รวมเป็น 9 คน
รอบที่ 4 อภิสิทธิ์ หนีออกมานำเดี่ยวบ้าง โดยทิ้งระยะห่างกลุ่มใหญ่ถึง 2 นาที และเมื่อเข้าสู่รอบสุดท้าย ติณพัฒน์ เป็นฝ่ายขึ้นนำมาบ้าง จนกระทั่งถึงช่วง 5 กิโลเมตรสุดท้าย ติณพัฒน์ ห่างกลุ่มหลัง 19 วินาที และเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกคว้าเหรียญทองไปครองสำเร็จ ด้วยเวลา 2.45.47 ชั่วโมง ขณะที่กลุ่มตามไล่บี้กันสุดมัน ปรากฏว่า มูฮัมหมัด อาดัม แรมด์ซาน ราซาลี นักปั่นทีมชาติมาเลเซียเข้าเป็นอันดับ 2 ได้เหรียญเงิน และ นันทกร เข้าอันดับ 3 ได้เหรียญทองแดง โดยทำเวลา 2.46.25 ชั่วโมงเท่ากัน ขณะที่ อภิสิทธิ์ ได้อันดับ 7 เวลา 2.46.39 ชั่วโมง, กมลฐชา ได้อันดับ 9 เวลา 2.47.22 ชั่วโมง
โรดเรซ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชาย ระยะทางรอบละ 23 กิโลเมตร ปั่น 6 รอบ รวมระยะทาง 138 กิโลเมตร นักปั่นทีมชาติไทยลงแข่งขัน 4 คน ประกอบด้วย จ.ต.ตุลธร โสสลาม, นายก้องภพ ธิมาไชย, ส.ต.ทักษ์ แก้วน้อย, นายศุภโชค แก้วสุยะ ชิงชัยกับนักปั่นอีก 18 ชาติ ผลปรากฏว่า เหรียญทองตกเป็นของ รุสลาน อาลิเยฟ นักปั่นทีมชาติคาซัคสถาน เวลา 3.13.49 ชั่วโมง ได้คะแนนสะสม 250 คะแนน, เหรียญเงิน เบคโซเบก ราคิมบาเยฟ นักปั่นทีมชาติอุซเดบกิสถาน เวลา 3.13.55 ชั่วโมง ได้คะแนนสะสม 200 คะแนน, เหรียญทองแดง จาซิม ซาอิฟ อับดุลลา อัล อาลี นักปั่นทีมชาติสหรับอาหรับเอมิเรตส์ เวลา 3.14.36 ชั่วโมง ได้คะแนนสะสม 150 คะแนน ส่วนนักปั่นไทยที่ผลงานดีที่สุด จ.ต.ตุลธร สลาม ได้ที่ 17 เวลา 3.17.36 ชั่วโมง ได้คะแนนสะสม 10 คะแนน, ส.ต.ทักษ์ แก้วน้อย ได้ที่ 22 เวลา 3.118.04 ชั่วโมง ได้คะแนนสะสม 5 คะแนน
หลังการแข่งขัน พลเอกเดชา เปิดเผยว่า จากผลงานนักกีฬาทีมชาติไทยรุ่นเยาวชนในครั้งนี้ต้องยอมรับว่าสตาฟฟ์โค้ชวางแผนได้ดีมาก โดยรอบสุดท้ายนักปั่นไทยขึ้นมาอยู่กลุ่มนำพร้อมกันถึง 4 คน ซึ่ง “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท ได้เข้าไปบอกแผนนักกีฬาแต่ละคนว่าใครควรหนี ใครควรเก็บแรง เนื่องจาก นันทกร และ อภิสิทธิ์ เป็นตะคริว จึงต้องให้ ติณพัฒน์ หนีออกไป แต่ก็น่าแปลกใจว่าทีมคาซัคสถานไม่ออกมาเปิดเกมสู้ อาจเป็นเพราะเห็นว่าไล่ตามไม่ทันแล้วจึงไม่ออกมา ก็ต้องขอแสดงความดีใจกับนักปั่นไทยทุกคนด้วย ทั้งนี้ ติณพัฒน์ จะได้รับเงินรางวัลขากการกีฬาแห่งประเทศไทยจำนวน 300,000 บาท ส่วน นันทกร ได้รับ 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบเงินอัดฉีดให้แก่ อภิสิทธิ์ และ กมลฐชา อีกคนละ 50,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ส่วนพวกเขาจะไปแบ่งกันอย่างไรก็แล้วแต่จะตกลงกัน
พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า สำหรับนักปั่นเยาวชนไทยทั้ง 4 คนนี้ อายุเพิ่ง 17-18 ปี สมาคมกีฬาจักรยานฯ ก็จะเตรียมเอาไว้ใช้งานในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2568 นอกจากนั้นสมาคมฯ ก็จะส่งไปแข่งขันรายการระดับนานาชาติตามประเทศต่าง ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเป็นการสร้างนักกีฬาอย่างต่อเนื่องเพื่อมาทดแทนนักกีฬารุ่นพี่ สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้นักปั่นเยาวชนเหล่านี้มาจากการจัดการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ปีละ 5 สนาม โดยจะคัดเลือกนักกีฬาจักรที่มีฝีมือดีเป็นหลัก แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีวินัยด้วย เราไม่ไม่เด็กเส้นเด็กฝากอย่างเด็ดขาด
“ขณะเดียวกันสมาคมกีฬาจักรยานฯ ก็ได้รับคำชมจาก จาก ดาโต๊ะ อมาจิต ซิงห์ กิล คณะกรรมการบริหารของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) และ มร.ออนการ์ ซิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี) ว่าจัดการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม มีมาตรฐานระดับโลก โดยมีนักกีฬาเข้าร่วมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 700 คน จาก 28 ประเทศ นับว่าเป็นผลสำเร็จของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ หลังจากนี้ยังมีการแข่งขันอีก 4 รายการ คือโรดเรซ รุ่นเยาวชนหญิง, รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีหญิง, รุ่นประชาชนหญิง และรุ่นประชาชนชาย ซึ่งนักกีฬาที่ได้อันดับ 1-2 ในรุ่นประชาชนทั้งชายและหญิง จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศสทันที ต้องขอแรงใจจากพี่น้องชาวไทยช่วยเชียร์นักปั่นลูกหลานไทยคว้าชัยชนะมาครองให้ได้” พลเอกเดชา กล่าว
ด้าน “อุลตร้า” ติณพัฒน์ เจ้าของเหรียญทอง กล่าวว่า “วันนี้พวกเราทุกคนช่วยกันตลอดทั้งเกม ต้องชื่นชมเพื่อน ๆ ทำเกมได้ดีมาก ช่วง 5 กิโลเมตรสุดท้ายผมหาโอกาสสวนออกมานำเดี่ยวจนกระทั่งจบการแข่งขันและคว้าแชมป์มาครองสำเร็จ ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคน หากไม่มีพวกเขาผมก็คงไม่ได้แชมป์ ก่อนการแข่งขันผมฝึกซ้อมอย่างหนักประมาณ 1 เดือนกับพี่ ๆ ทีมชาติชุดใหญ่ จนกระทั่งร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ต้องยอมรับว่าจักรยานให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ผมมีวันนี้ได้ ต้องขอบคุณสตาฟฟ์โค้ชทุกท่าน ขอบคุณพ่อและแม่ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาตลอด ขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานฯ และท่านพลเอกเดชา เหมกระศรี ที่ให้โอกาสผม เพื่อน ๆ และพี่ ๆ มาแข่งขันในนามทีมชาติไทยในครั้งนี้”
“ต้นไม้” นันทกร กล่าวว่า “เกมในวันนี้พวกเราช่วยกันอย่างเต็มที่ จนกระทั่งมาเกาะกลุ่มนำร่วมกันทั้ง 4 คน ซึ่งผมเป็นตะคริวตั้งแต่ช่วงกิโลเมตรที่ 90 แต่ก็กัดฟันปั่นมาตลอดและมาเร่งสปรินต์ในช่วงสุดท้ายจนเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 ก็ขอมอบเหรียญนี้ให้เพื่อนร่วมทีมทุกคน ขอขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ขอบคุณท่านพลเอกเดชา เหมกระศรี ขอบคุณสตาฟฟ์โค้ชทุกท่าน ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำลังใจในทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ขอขอบคุณครับ”
สรุปผลงานนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ได้มา 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดย 3 เหรียญทองได้จาก นายติณพัฒน์ เมืองเดช รายการโรดเรซ รุ่นเยาวชนชาย, นายกฤษณะ แก้วจันทร์ รายการไทม์ไทรอัล รุ่นอาวุโสอายุ 35-39 ปีชาย, นายธรรมรัตน์ ถวิล รายการไทม์ไทรอัล รุ่นอาวุโสอายุ 40-44 ปีชาย / 1 เหรียญเงินจาก รายการไทม์ไทรอัลมิกซ์ทีมรีเลย์ รุ่นเยาวชนชาย-หญิง (นายนันทกร นนทะแก้ว, นายติณพัฒน์ เมืองเดช, นายอภิสิทธิ์ สุพรรณ, น.ส.ชิน รุ่งโชติวัฒนา, น.ส.ณัฐชา สงเคน, น.ส.พิทยาพร แซ่ตั๋น) / 1 เหรียญทองแดง จาก นายนันทกร นนทะแก้ว รายการโรดเรซ รุ่นเยาวชนชาย
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันในวันที่ 12 มิถุนายน ชิง 3 เหรียญทอง โรดเรซ รุ่นเยาวชนหญิง ระยะทาง 69 กิโลเมตร เส้นทางภายในอ่างเก็บน้ำดอกกราย เริ่มจากหน้าหอเฉลิมพระเกียรติ แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่เดิม, โรดเรซ รุ่นประชาชนหญิง, โรดเรซ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีหญิง เส้นทางเริ่มจากปั่นวนภายในอ่างเก็บน้ำดอกกราย 1 รอบ ออกมาถนนหมายเลข 3191- ผ่านอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล-ผ่านวัดปากแพรก-ผ่านวัดละหารไร่-ผ่านวัดหินโค้ง-ผ่านวัดเนินสว่าง-ผ่านอุทยานเขาแหลมหญ้า-เข้าถนนเลียบชายหาดแม่รำพึง-ผ่านลานหินขาว-ผ่านแยกตะพง-ผ่านแขวงทางหลวงระยอง-เข้าเส้นชัยที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ระยะทาง 115 กิโลเมตร.
English
