2 ล้อประเทศไทย 'ถนน-เสือภูเขา' เปิดฉากบู๊สนามแรกที่ จ.เชียงราย นักปั่นถนนเฮลั่นมีสิทธิติดทีมชาติ ไปลุยศึกชิงแชมป์เอเชียที่มาเลเซีย

สมาคมกีฬาจักรยานฯ เตรียมเปิดฉากชิงชัยจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และประเภทเสือภูเขา ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2563 ประเดิมสนามแรก ที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยประเภทถนนแข่งติดต่อกัน…

2 ล้อประเทศไทย 'ถนน-เสือภูเขา' เปิดฉากบู๊สนามแรกที่ จ.เชียงราย นักปั่นถนนเฮลั่นมีสิทธิติดทีมชาติ ไปลุยศึกชิงแชมป์เอเชียที่มาเลเซีย

2 ล้อประเทศไทย 'ถนน-เสือภูเขา' เปิดฉากบู๊สนามแรกที่ จ.เชียงราย นักปั่นถนนเฮลั่นมีสิทธิติดทีมชาติ ไปลุยศึกชิงแชมป์เอเชียที่มาเลเซีย

สมาคมกีฬาจักรยานฯ เตรียมเปิดฉากชิงชัยจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และประเภทเสือภูเขา ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2563 ประเดิมสนามแรก ที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยประเภทถนนแข่งติดต่อกัน 2 วัน ในวันศุกร์และเสาร์ที่ 17-18 มกราคม ส่วนเสือภูเขาแข่งวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม “พลเอกเดชา” เผยข่าวดีจะมีการคัดเลือกนักปั่นถนนที่มีผลงานดีที่สุด และมีคุณสมบัติครบถ้วนไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นมาสเตอร์ ที่ประเทศมาเลเซีย ช่วงกลางเดือนมีนาคม พร้อมเตือนนักกีฬาต้องทำบัตรอนุญาตแข่งขัน หรือ License หากไม่มีบัตรก็ไม่มีสิทธิลงแข่ง ด้านกิจกรรม “ปั่นเพื่อสุขภาพ” ซึ่งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุน คาดว่าจะมีนักปั่นร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน



 “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้เตรียมจัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2563 จำนวน 5 สนาม โดยในแต่ละสนามจะทำการแข่งขันควบคู่กันไป ซึ่งจะประเดิมแข่งขันสนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 17-19 ม.ค. ที่ตำบลท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย

พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันสนามจักรยานประเภทถนน ในสนามที่ 1 นี้ จะมีความพิเศษกว่าสนามอื่น ๆ เนื่องจากฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาจักรยานฯ จะพิจารณาจะคัดเลือกนักปั่นที่มีผลงานดีที่สุด เป็นตัวแทนทีมชาติไทย ไปร่วมแข่งขันจักรยานถนนชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นมาสเตอร์ ที่เมืองนิไล ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-22 มี.ค. แต่ทั้งนี้จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เจ้าภาพกำหนด ซึ่งทางเจ้าภาพได้กำหนดจัดแข่งขันในรุ่นอายุ 35-39 ปี, รุ่นอายุ 40-44 ปี, รุ่นอายุ 45-49 ปี และรุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยจะส่งไปแข่งขันรุ่นละ 1 คน แต่หากมีการชนะกันด้วยเวลาที่สูสีใกล้เคียงกัน อาจจะพิจารณาส่งไปแข่งขันรุ่นละ 2 คน จึงฝากถึงบรรดานักปั่นทั้งหลายที่รู้ตัวว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่เจ้าภาพกำหนด ทำการฝึกซ้อมและเตรียมฟิตร่างกายให้ดี เพราะมีสิทธิติดธงไตรรงค์ไปแข่งขันในนามทีมชาติไทย

 “สิ่งสำคัญที่สุด นักกีฬาจักรยานที่จะสมัครเข้าแข่งขันทุกคนจะต้องทำบัตรอนุญาตแข่งขัน หรือ License ประจำปี 2563 ซึ่งขณะนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้เปิดรับสมัครทางออนไลน์เรียบร้อยแล้ว โดยจะต้องกรอกชื่อนามสกุลและรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน พร้อมแนบรูปถ่ายมาให้เรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่สมาคมฯ จะบันทึกข้อมูลเอาไว้ในระบบ แล้วไปจัดพิมพ์บัตรให้ในวันแข่งขัน หรือหากใครที่ไม่สะดวก สามารถไปสมัครที่เต็นท์ธุรการ บริเวณจุดสตาร์ต ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน หากนักปั่นคนใดไม่มีบัตรอนุญาต ก็ไม่สามารถลงแข่งขันได้” พลเอกเดชา กล่าว


นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ กล่าวอีกว่า ในสนามที่ 1 นี้ นอกจากเป็นการแข่งขันจักรยานประเภทถนน กับเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทยแล้ว ยังมีกิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” ในวันศุกร์ที่ 17 ม.ค. เวลา 05.00-09.30 น. ที่บริเวณดอยม่อนกระถาง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กับ สมาคมกีฬาจักรยานฯ และเทศบาลตำบลท่าข้าวเปลือก วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน เป็นการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 1,000 คน โดยก่อนหน้านั้น สมาคมฯ เตรียมจัดการอบรมผู้ตัดสินขั้นพื้นฐาน ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. เวลา 09.00-1200 น. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลท่าข้าวเปลือก จากนั้นในช่วงบ่าย เวลา 13.00-15.00 น. จะเป็นการอบรมให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ปั่นเพื่อสุขภาพ” ซึ่งสนับสนุนโดย สสส. มีวิทยากรจากสมาคมกีฬาจักรยานฯ ไปให้ความรู้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม เพื่อให้มีการปั่นอย่างถูกวิธีและปลอดภัย โดยมีหัวข้อการอบรมต่าง ๆ เช่น การเลือกจักรยานให้เหมาะสม, ความปลอดภัยในการปั่น, การใช้สัญญาณมือ, การฝึกซ้อม และการเตรียมพร้อมร่างกายในวันปั่น เป็นต้น 


 “เสธ.หมึก” กล่าวต่อไปว่า ส่วนกำหนดการแข่งขันในปี 2563 นี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้วเล็กน้อย โดยประเภทถนน จะแข่งขันติดต่อกัน 2 วัน คือในวันศุกร์ที่ 17 ม.ค. แข่งขันประเภทไทม์ไทรอัล และวันเสาร์ที่ 18 ม.ค. จะแข่งขันประเภทโร้ดเรซ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ส่วนวันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. เป็นการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ในช่วงเช้าแข่งขันประเภทครอสคันทรี่ ช่วงบ่ายจะแข่งขันประเภทดาวน์ฮิล


 สำหรับกำหนดการแข่งขันและกิจกรรมต่าง ๆ มีดังนี้ วันศุกร์ที่ 17 ม.ค. กิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ” เวลา 05.00-09.30 น. ที่บริเวณดอยม่อนกระถาง ระยะทาง 10.68 กม., เวลา 08.00 น. เป็นพิธีเปิดการแข่งขัน และการแข่งขันจักรยานถนน ไทม์ไทรอัล เริ่มสตาร์ทและเข้าเส้นชัยบริเวณหน้าดอยม่อนกระถาง ไปตามทางหลวงชนบทหมายเลข 1063 ระยะทางไป-กลับรอบละ 10 กม. โดยรุ่นทั่วไปชาย, รุ่นทั่วไปหญิง, รุ่นเยาวชนชาย, รุ่น 30-39 ปีชาย, รุ่น 40-49 ปีชาย ปั่น 3 รอบ ระยะทาง 30 กม. ส่วนรุ่นเยาวชนหญิง, รุ่นยุวชนชาย, รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไปชาย ปั่น 1 รอบ ระยะทาง 10 กม. 


 วันเสาร์ที่ 18 ม.ค. แข่งขันจักรยานถนน โร้ดเรซ  จุดสตาร์ทและเส้นชัย บริเวณหน้าดอยม่อนกระถาง ไปบนทางหลวงชนบทหมายเลข 1063 และหมายเลข 1004 ระยะทางรอบละ 7.1 กม. เริ่มปล่อยตัวนักกีฬา เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป มีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 


 วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. แข่งขันจักรยานเสือภูเขา ครอสคันทรี่ ที่บริเวณดอยม่อนกระถาง คลาส A ระยะทางรอบละ 4.82 กม., คลาส B ระยะทางรอบละ 4.57 กม. และคลาส C ระยะทางรอบละ 3.18 กม. เริ่มเวลา 08.45 น. ส่วนช่วงบ่าย แข่งขันจักรยานเสือภูเขา ดาวน์ฮิล ที่วัดหมื่นพุทธ เส้นทางแข่งขันยาวประมาณ 1.5 กม. เริ่มเวลา 10.00 น. เป็นต้นไป


 ทั้งนี้ สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะทำการแถลงข่าวรายละเอียดต่าง ๆ ในวันที่ 7 ม.ค เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต ประตูน้ำ โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี



 สำหรับนักกีฬาที่จะสมัครเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานรายการต่าง ๆ และต้องการทำบัตรอนุญาตแข่งขัน (License) ประจำปี 2563 สามารถเข้าไปสมัครได้ที่ http://www.thaicycling.or.th/regislicense/index ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ โทร.0-2719-3340-2.